ยังไงกันนะ ..

การระบายความทุกข์ใจของตนให้ใครซักคนฟังนั้นมันเป็นยังไงกันนะ

ทำไมมันดูเลือนรางในความทรงจำของฉันเสียจริง

หรือเป็นเพราะไม่อาจหาใครซักคน ที่จะมารับฟังบางสิ่งในใจของฉันได้บ้าง

เพราะทุกคนต่างก็มีเรื่องราวในใจอยู่มากมายกันทั้งนั้น

จำได้ว่าเคยหาจังหวะจะพูดจะระบายหลายต่อหลายครั้ง

แต่ทุกครั้งก็จะเป็นฝ่ายได้ฟังเรื่องราวความทุกข์ใจของอีกฝ่ายเสียก่อน

ฟังไปฟังมาก็ทำให้ย้อนคิดไปว่า

เริ่มไม่อยากจะเอาเรื่องราวความทุกข์ใจของตนไปเพิ่มเติมในใจของใครอีกต่อไป

แม้แต่คนที่บ้านและคนที่คิดว่าสนิท?แค่ไหน

(ว่าแต่ฉันสนิทกับใครบ้างนะ ชักไม่แน่ใจ อะไรคือความสนิทกันแน่)

และเก็บสิ่งต่างๆเอาไว้เรื่อยมา

พอหลายครั้งหลายคราก็ถาโถมทับถมเป็นความเคยชิน

..

 

หากความเคยชินนี้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนฉันก็คงจะทำอย่างนี้ต่อไป

จะคอยรับฟังเรื่องราวความทุกข์ใจของคนใกล้ไกล

หาทางออกเท่าที่พอจะช่วยได้

และจะคอยกัดกินฝันร้ายในใจเธอ

 

..

(ชายผู้ไม่มีผ้าเช็ดหน้าสำหรับตนเอง)

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

โลกนี้มีกวีมากเกินไป?

..

บางเวลาผมคิดไปเองนะว่า

บทกวีในโลกนี้มีมากเกินไปแล้วหรือเปล่านะ ?

..

ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง

ว่าหากคุณหาบทกวีดีๆ

ที่กล่าวถึงเรื่องความรักหรือเรื่องอะไรก็ตามเพียงเรื่องเดียว

“ทั้งหมด”

ที่ถูกสร้างสรรขึ้นมาบนโลกใบนี้

คุณก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี

หรืออาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่ออ่านมัน

..

คำพูดบางคำ

สามารถเอามาตีความเป็นกวีได้หลากหลาย

กลายเป็นหนังสือหรือภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากมาย

เช่นกัน

แนวกวีที่หลากหลาย แต่มีใจความในเรื่องเดียวกัน

อาจสรุปรวมได้เพียงใจความสั้นๆเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

คล้ายกับความหมายในภาพถ่ายเก่าๆสักใบ

คล้ายกันกับโอวาทสุดท้ายของพระพุทธเจ้า

ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เอามาตีความต่อนั้นจะหมายไปในทิศทางใด

..

แล้วทำไมมนุษย์ไม่คิดจะเลิกสร้างบทกวี?

แล้วมาลงมือทำเรื่องดีๆอย่างที่เคยตั้งจิตไว้ดั่งในกวีเสียทีล่ะ

ในเมื่อมันมีมากมาย แถมยังตีความหมายรวมได้ง่ายๆ

..

แต่เราเคยได้ยินกลอนบทหนึ่งไหมนะ ที่กล่าวว่า

“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก”

หากเราไร้ซึ่งจิตใจที่ถูกขัดเกลา

จนไม่สามารถกลั่นเอาบทกวีออกมาได้ในช่วงชีวิต

ไม่อาจสัมผัสถึงความงามของบทกวีอันตรึงจิต

ไม่อาจเข้าถึงศิลปะวิทยาการแต่ละชนิดได้

ก็ไม่อาจที่จะพบความสุขในชีวิตได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น

สิ่งที่ควรทำต่อจากนี้

คือการศึกษาหาความหมายของกวีที่มีอยู่แล้วบนโลกให้ถ่องแท้

แล้วทำตามอย่างไม่คิดเช่นนั้นหรือ ?

จะเป็นผู้สร้างบทกวีขึ้นมาใหม่ในความหมายของตนเอง

เพื่อแสดงถึงสุนทรียอย่างที่คุณเข้าใจแต่ไม่ใส่ใจเช่นนั้นหรือ ?

จะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องไปเสียเวลากับกวีใดๆให้มากความ

ดำเนินตามแนวทางที่ดึงมาจากบางถ้อยคำเท่านั้นก็เพียงพอ?

นั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องชั่งน้ำหนักให้เหมาะสม

เมื่อมันมีบทบาทต่อกับความจริงและความฝันของเรา

บทกวีบนโลกนี้อาจจะมีมากเกินไปก็จริง

แต่หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้

ก็ควรค่าแก่การหวงแหนและรักษาไว้ไม่ใช่หรือ

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

ที่ที่คุ้นเคย .. .

.. .

ฉันตื่นขึ้นมาพบกับดวงจันทร์ลอยเด่นคว้าง วิวทิวทัศน์สองข้างทางเคลื่อนผ่านสายตาไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าในฤดูหนาว ไร้ก้อนเมฆขาว เผยให้เห็นดาวระยับเต็มตา นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ฉันไม่ได้กลับมายังที่แห่งนี้

ใกล้รุ่งสางเต็มที ฟ้าเริ่มกระจ่าง ทุ่งนากว้างสองข้างทางกำลังทอประกาย คงผ่านพ้นฤดูเก็บเกี่ยวไปไม่นาน หลายแห่งยังมีกองฟ่อนฟางวางกระจายอยู่ เมื่อจับกับแสงตะวันยามเช้าตรู่ นาข้าวและกองฟางก็พลันเปลี่ยนเป็นสีทอง ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้น สายตาของฉันตื่นและเริ่มชินกับแสงสว่าง ความทรงจำอันเลือนรางได้พรั่งพรูออกมารวมเข้ากับความโหยหาในแววตานั้น

รถโดยสารเคลื่อนที่ผ่านตัวเมือง นองเนืองไปด้วยผู้คนที่กลับมาในเทศกาลปีใหม่ ตึกรามบ้านช่องหลังใหญ่ดูแปลกตา และเหลือเค้าโครงอาคารที่คุ้นหน้าเพียงเล็กน้อย ฉันมองผ่านกระจกอย่างเลื่อนลอย เฝ้าคอยมองหาอดีตที่เคยเป็นความทรงจำในวันวาน ร้านขายขนมข้างโรงเรียนของฉันหายไปแล้ว เหลือเพียงห้องแถวที่ทิ้งร้าง ห้างซุ่นเฮงที่ทุกเย็นหลังเลิกเรียนต้องมาเดินดูเล็กลงไปถนัดตา บ้านของอาจารย์ที่ฉันเคยไปนั่งเล่นกับเพื่อนก็ดูเงียบเหงา บ้านของหญิงสาวที่ฉันแอบชอบก็เช่นกัน คล้ายกับว่าฉันนั้นกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเมืองนี้ ไม่มีสิ่งที่คุ้นเคยเหมือนดั่งเช่นในอดีตสักเท่าไหร่

รถเคลื่อนตัวลดความเร็วเข้าจอดเทียบชานชาลาใหม่กลางใจเมือง ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ ณ เบาะนั่ง มองไปยังหน้าต่าง มองไปยังท้องฟ้า ถอนใจแผ่วเบา ก่อนคว้ากระเป๋าก้าวลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเหมือนในทุกครั้งที่ฉันเดินทาง สามล้อรับจ้างปรี่เข้ามาถามว่าฉันจะไปที่ไหนต่อ ฉันยิ้มให้เขาและปลีกตัวออกมาจากหน้าประตูรถนั้น เดินตรงไปนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสีส้มใหม่ ที่แปรเปลี่ยนจากไม้เก่าๆอันเดิม ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากำลังต่อเติมความทรงจำใหม่ และทำให้หวนถึงความทรงจำเก่าๆ ที่ฉันไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า อนาคตข้างหน้าต่อไปนี้ ยังจะเหลือสิ่งที่ฉันคุ้นเคยอีกมั้ย เพราะนี่คือการเปลี่ยนผ่านของเวลาและยุคสมัย ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกระแสใหญ่ของสังคมเมือง

ระหว่างที่ฉันกำลังยืนตรงฟังเสียงเพลงชาติในช่วงเช้า มองยอดพร้าวที่พริ้วไหวล้อไปกับสายลมฤดูหนาว ก็พลันยินเสียงรถเครื่องเก่าที่ฟังคุ้นหู ฉันละสายตาเสาะหาที่มาของเสียงนั้นดู รอยยิ้มเล็กๆจากหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า เผยให้ฉันได้รู้ว่า ทำไมเมืองนี้จึงยังเป็นที่ที่ฉันต้องกลับมาหา แม้ว่าอะไรต่อมิอะไรจะเปลี่ยนแปลงแปลกตาไปสักเพียงไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีใครอีกคนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากใจฉัน แท้จริงแล้วฉันอาจจะไม่ได้คิดถึงเมืองหรืออะไรต่างๆเหล่านั้น มากเท่ากับคิดถึงคนที่รอฉันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ และรอฉันอยู่อย่างไม่มีเงื่อนไข ทำให้ฉันตระหนักได้ว่า ฉันต่างหากล่ะ ที่สร้างเงื่อนไขในการกลับมาไว้เอง

เสียงเพลงชาติจบลง ฉันตรงเข้าไปโค้งกายสวัสดีแม่ของฉัน กอดท่านไว้ท่ามกลางสายลมหนาวของเช้าเดือนมกรา และพาขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นที่มีให้กันจากข้างใน

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

คนสวน

.. .

ฉันปลูกดอกไม้ไว้แปลงใหญ่ ตั้งใจที่จะมอบให้เธอ

ดอกไม้ชนิดที่เธอชอบ สีสันที่เธอว่าใช่ นี่เป็นดั่งดอกไม้ในฝัน

ฉันลงมือปลูกท่ามกลางแสงแดดจ้าแห่งฤดูร้อนในยามสาย

ปกคลุมกล้าไม้ไว้ด้วยกำบังขนาดพอเหมาะที่ทำจากไม่ไผ่

ทุกวันฉันจะเฝ้ารดน้ำพรวนดินอยู่ร่ำไป รอวันที่เจ้าดอกไม้จะแตกกิ่งก้าน

กางใบเขียวสดใสรับไออุ่นจากดวงสุริยันตกาล และเบ่งบานในใจ

..

ฉันรดน้ำดอกไม้ในยามเช้า และเฝ้าดูสายฝนตกกระหน่ำในช่วงสาย

ฉันรดน้ำต้นไม้ในยามบ่าย เฝ้าดูสายฝนโปรยปรายในยามเย็น

ฉันเฝ้าเพียรทำโดยไม่มีว่างเว้น ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยจำเป็นซักเท่าไหร่

ผู้คนที่ผ่านไปมาเขาอาจต่อว่า และคงเอือมระอาในท่าทีของฉัน

ว่าสิ่งที่ทำไปนั้น มันไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่ฉันรู้ดีว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไร

ฉันจะมุ่งมั่นและทำมันต่อไป อีกไม่นานเท่าไหร่ ทุกคนคงเข้าใจฉัน

ว่าสายฝนนั้นไม่อาจตกได้ตลอดกาล และฤดูฝนคงไม่ยาวนานเกินการรอคอย

..

เจ้าดอกไม้เอ๋ย ฤดูที่เจ้าจะได้อวดช่อเบ่งบานมาถึงแล้วนะ

เช้านี้ฉันก็ยังจะรดน้ำพรวนดินให้เจ้าอย่างที่เคยทำมาตลอดเช่นกัน

แสงแดดอ่อน มอบอุ่นไอและพละกำลังแด่เจ้าไว้เพื่อให้เบ่งบาน

สายลมหนาวก็เริ่มพัดผ่านเข้ามาโอบกอดฉันไว้อย่างละมุนละไม

และพัดพาเธอคนนั้นให้จางหายไปพร้อมกับสายฝนแห่งการรอคอย

มันอาจดูไม่นานเท่าไหร่สำหรับฉัน แต่มันคงจะนานเกินไปสำหรับเธอ

เจ้าดอกไม้เอ๋ย แม้จุดมุ่งหมายเดิมของเจ้าที่ฉันตั้งใจไว้จะหายไป

แต่ไม่เป็นไร ฉันจะดูแลเจ้าต่อไปเหมือนเคย จนกว่าเจ้าจะเบ่งบานอีกครั้ง

และมีใครอีกคนมานั่งเฝ้ารอเจ้าเบ่งบานร่วมกันไปกับฉันในทุกฤดูกาลตลอดไป

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

ดอกไม้ดอกใหม่

.. .

ชายคนหนึ่งคิดจะปลูกดอกไม้

หวังเพียงไว้พักสายตายามเหนื่อยล้า

ไว้เป็นเพื่อนยามโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกา

ไว้พูดคุยในเวลาไม่มีใคร

 ..

ในขณะที่เขากำลังจะลงมือปลูก

เขากลับนึกถึงวันที่เขาคิดปลูกดอกไม้ในครั้งแรก

มันคงไม่แปลกที่ครั้งแรกนั้น

อาจจะไม่มีอะไรงอกเงยให้เห็น

แต่ทุกครั้งหลังจากนั้นก็ไม่ต่างจากที่เคยเป็น

จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่มีโอกา่สได้เห็นดอกไม้งาม

 ..

แม้เมล็ดพันธุ์จะมีให้เขาเก็บมาปลูกได้มากมาย

แต่แรงกายใจของเขานับวันกลับยิ่งหดหาย

ชายคนที่กำลังลงมือปลูกดอกไม้เริ่มคิดว่า

ความพยายามของเขาในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย

ในเมื่อที่ทำลงไปทุกครั้งมันไม่ได้ส่งผลดังหวัง

 ..

ดั่งนกน้อยที่บาดเจ็บจากการโผบินครั้งส​ุดท้าย

อาการเจ็บป่วยทางกายไม่นานก็หาย

แต่บางอย่างทำให้การบินครั้งนั้นกลาย​เป็นครั้งสุดท้ายไปจริงๆ

..

เขารู้เพียงว่าวันนี้เขาพร้อมที่จะปลูกดอกไม้่

แต่เขากลับไม่มีความกล้าที่จะหว่านเมล็ดลงไป

และหากแม้ดอกไม้งอกเงยขึ้นมา

เขาก็กลับไม่มั่นใจว่าจะทำให้ดอกไม้นั้นงดงามได้

เขาไม่มั่นใจว่าจะดูแลดอกไม้นั้นได้เท่าที่ควรรึเปล่า

เขาคงหลงลืมไปว่าดอกไม้มีงอกเงยก็ต้องมีเหี่ยวเฉา

สิ่งที่เขาปลูกได้เก่งที่สุดอย​่างหนึ่งกลับคือ “ความกลัว”

..

หรือเพราะเขาหวังในสิ่งที่เขาต้องการมากเกินไป

หรือเพราะเขาหลงลืมไปว่าอดีตไม่มีทางแก้ไขได้

หรือเพราะเขาหลงลืมไปว่า ไม่มีอะไรได้มาอย่างง่ายดาย

หรือเพราะเขาหลงลืมไปว่า สุดท้ายสิ่งที่ต้องการจริงๆนั้นคืออะไร

..

ชายคนนั้นหย่อนเมล็ดดอกไม้ลงไปในดินอีกครั้ง

ก่อนจะหยิบเอาบัวรดน้ำมารดผืนดินนั้นจนชุ่มฉ่ำ

หากแม้ว่าสุดท้ายดอกไม้่นั้นที่ถูกปลูกขึ้นมา

มันจะไม่งอกงาม หรือออกดอกเบ่งบานเพียงชั่วพริบตา

แต่มันก็จะสอนให้เขาได้รู้ถึงคุณค่าของความกล้า ความพยายาม

..

และการรอคอย

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

นกใบ้

 

. ..

ฉันเป็นเพียงนกใบ้

สิ่งที่ฉันทำได้ดีคือการออกเดินทาง

และการรับฟังอย่างตั้งใจ

ในวันนี้ ฉันมีกิจที่จะต้องพาดอกไม้เฉาๆดอกหนึ่ง

ออกเดินทางไปที่ซึ่งไกลแสนไกล

..

เมื่อก่อนดอกไม้นั้นเคยสดใส

ยามเมื่อกลีบใบของเธอพริ้วไปในสายลม

มันช่างน่าดูชมเป็นหนักหนา

เธอชอบมาพูดคุยให้นกอย่างฉันฟังอยู่เสมอ

ถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านพบไปในแต่ละวันของเธอ

ทำให้บางทีฉันแอบเผลอนึกว่าได้พบเจอเองจริงๆ

ทุกสิ่งในเธอเปรียบเสมือนสิ่งมีค่าในทุกๆวัน

ของนกใบ้ไร้คำพูดอย่างฉันเสมอมา

..

บ่อยครั้งที่เธออ่อนล้า

จากเหล่าผีเสื้อที่ชอบมาเก็บน้ำหวานจากเธอไป

ฉันกลับไม่อาจสามารถให้คำปรึกษาใดๆ

นอกจากการเกาะนิ่งๆ และรดน้ำเธออยู่ใกล้ๆไม่ไปไหน

รับฟังความนึกคิดของเธออย่างตั้งใจ

จนกว่าเธอจะเผลอหลับไปในราตรี

นั่นคือสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดแล้วล่ะ

เจ้าดอกไม้จะรู้สึกรำคาญนกใบ้อย่างฉันบ้างมั้ยนะ

..

จะมีทางไหนมั้ยที่ฉันจะช่วยเธอได้มากกว่านี้

การเดินทางที่ฉันถนัด ดูจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเธอ

การออกไปพบเจอกับอะไรใหม่ๆในโลกกว้าง

อาจจะทำให้ดอกไม้สดใสได้อีกครั้ง

..

สวัสดีการเดินทางที่ไม่ได้พบเจอกันมาแสนนาน

วันนี้ฉันไม่ได้ออกเดินทางเดียวดายเหมือนเคยแล้วนะ

วันนี้ฉันพาดอกไม้ดอกหนึ่งออกเดินทางไปด้วยล่ะ

แม้ว่าวันนี้เธอจะดูไม่ค่อยสดใส แห้งเหี่ยวไปบ้าง

แต่ดอกไม้นั้นจะยังคงงดงามที่สุดในสายตานกใบ้อย่างฉัน

..

นี่อาจจะเป็นการเดินทางด้วยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ฉันเพียงหวังว่าซักวัน หากเวลาของฉันหมดลง

ดอกไม้นั้นจะยังคงสดใสและพร้อมชูช่อท้าแสงแดดต่อไป

โดยที่อาจจะไม่มีฉันอยู่เคียงข้างกายเหมือนในวันวาน

.. .

โพสท์ใน Overall Story | 2 ความเห็น

ในสักวัน..

.. .

ฉันนอนมองท้องฟ้าสีหม่น ความคิดสับสน

คนหนึ่งคนจะมีประโยชน์ต่อกันมากแค่ไหน

ของชิ้นหนึ่งหากหมดอายุขัย ก็คงไร้ค่า

แต่สิ่งของบางชิ้นถึงจะพังจะเสียราคาไป

หากยังมีมวลความทรงจำดีๆอัดแน่นไว้

สิ่งของนั้นก็ยังคงมีความหมายคงเดิมได้

ไม่หมดประโยชน์ต่อกันไปแม้ผ่านวันเวลา

..

แล้วคนหนึ่งคนล่ะ

จะหมดความหมายต่อกันเมื่อไหร่นะ

เมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เมื่อห่างกันแสนไกล

เมื่อมีใครคนใหม่เข้ามาในชีวิต เมื่อเข้าใจผิดไป

เมื่อความทรงจำในอดีต ไม่ได้มีความหมายอะไร

หากหมดประโยชน์ เราจะยังคิดถึงกันอยู่อีกมั้ย?

แล้วจุดสิ้นสุดของคำถามจะจบลงได้ที่ใคร

..

ฉันปล่อยความคิดล่องลอยไปกับหยาดฝนที่โปรยสาย

นอนมองท้องฟ้า ก้อนเมฆ และเม็ดฝนอันประปราย

..

ป่วยการที่จะมาตั้งคำถามเองแล้วเป็นทุกข์เองอย่างนี้

จุดสุดท้ายของคำถามอาจจะจบได้ที่ตัวของมันเอง

ไม่มีบทเพลงไหนที่จะต้องไปฟังเนื้อหาต่อในอีกเพลง

คนหนึ่งคนจะมีประโยชน์ต่อตนเองและใครอีกคนได้แค่ไหน

อาจจะไม่สำคัญเท่ากับคนคนนั้นได้ทำสิ่งต่างๆด้วยใจหรือไม่

หากมันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ขอจงทำมันต่อไป

..

สายฝนไม่เคยเรียกร้องว่ามันทำประโยชน์ให้กับใคร

ดอกไม้ไม่เคยใส่ใจว่าจะมีใครมาชื่นชมช่วงที่มันเบ่งบาน

การกระทำเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นและต่อโลกนั้นเป็นสิ่งสวยงาม

แม้ความงามนั้นจะไม่จีรังในสายตาของผู้ผ่านทางชีวิต

แต่มันจะยังคงติดอยู่ในห้วงความทรงจำลึกๆของจิตใจ

อย่างน้อยก็อยู่ภายในห้วงความเป็นไปของชีวิตเราเอง

..

ฉันจะบรรเลงเพลงชีวิตต่อไป

แม้ว่าเราจะต้องห่างไกลกันไปในสักวัน

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

ช้าบ้าง

.. .

ในโลกที่หมุนไวและได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง

ทุกคนต่างหาความรุ่งเรืองและความมั่นคง

ดำรงชีวิตด้วยความรีบร่อนเร่งด่วน

เหมือนขบวนรถบนถนนที่ไม่มีปลายทาง

ที่ต่างบรรทุกมวลความฝันของตนเองไว้

ตามขนาดความคาดหวังที่ใหญ่ไม่เท่ากัน

ออกเดินทางไป เร็วเท่าที่ตนเองจะเร็วได้

เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนคาดหวังไว้ ไวขึ้นแม้เพียงเศษนาที

แก่งแย่งแข่งขันกัน เพื่อแสดงอวดอ้างว่ากูได้กูมี

ทั้งด้านหน้าที่การงาน ความสนุกสนานหรรษา

ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเวลา และ ความรัก

..

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะ

ว่าความรักสมัยนี้มันดูฉาบฉวย

สังคมออนไลน์อวยประโยชน์ให้คนรู้จักกันง่าย

ง่ายเหมือนเดินไปเลือกซื้อปลามาจากตลาด

ง่ายเหมือนเดินไปเลือกซื้อข้าวกล่องจากร้านค้า

มัดใส่ถุงที่เรียกว่าความชอบใจ และหิ้วกลับไปบ้าน

แล้วพอไม่ได้ดั่งใจ ได้ปลาไม่สด ได้ข้าวที่ไม่อร่อย

ก็ทิ้งขว้างกันอย่างไม่ไยดีและไม่มีความเสียดาย

เวียนว่ายกันต่อไปในระบบอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน

ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะมีสังคมออนไลน์

สังคมออนไลน์มีข้อดี หากเราใช้อย่างถูกวิธีและมีสติ

อย่าให้ความเร่งร้อนทางสังคมและเทคโนโลยี

มาบดบังความสวยงามของความรักและความใส่ใจได้

หรือเพราะความรักในสมัยนี้นั้นมันได้มาง่ายเกินไป?

..

เคยนั่งมองท้องนาเวลาที่รวงข้าวพริ้วไหวตามสายลมมั้ย?

เมื่อเราใช้เวลากับสิ่งใด จะรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่ได้เกิดขึ้น

เหมือนความรู้สึกของชาวนาที่ขอบคุณข้าวทุกเมล็ด

เหมือนความรู้สึกของชาวประมงที่ขอบคุณปลาทุกตัว

ทุกอย่างดูมีคุณค่า เพราะเราใส่ใจในการเติบโตของมัน

ความรักก็เช่นกัน

..

รักของฉัน

คงเหมือนรถจักรยานบนทางด่วน

เชื่องช้า ผิดที่ผิดทาง และไม่ปลอดภัย

ไหนจะต้องคอยหลบทางให้กับรถบรรทุกข์คันใหญ่

ยังต้องหลบสายตาที่เห็นคันไหนมีคนนั่งมาเป็นคู่ใจ

แดดร้อนก็ร้อนจนไหม้ ฝนตกก็เปียกปอนกันไป

คงไม่มีใครอยากมาซ้อนท้ายในวันที่หวั่นไหว

แต่ฉันก็จะออกเดินทางต่อไป

จนกว่าจะมีใครอยากซ้อนท้ายด้วยใจจริงๆ

แล้วฉันจะพาไปพบในสิ่งที่ไม่มีรถยนต์คันไหนให้เธอได้เลย

: )

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น

หลงฟ้าอมร

.. .

แด่นกน้อยทั้งหลายที่หลงเข้ามาในเมืองฟ้า

มันจะรู้มั้ยว่าดวงดาราที่มันเห็นไม่ใช่ของจริง

แต่มันคือแสงจากหลอดไฟใสปิ๊งขนาดต่างๆนานา

ที่ลวงหลอกว่า ตอนนี้ยังเป็นเวลาสว่างนะ อย่าเพิ่งเข้านอน

จากกิ่งคอนมาสู่เสาไฟ จากใบไม้กลายเป็นแค่ใบปลิว

สายลมแห่งความหลงระเริงพัดละลิ่วไปในทิวตึกปูน

ฝูงนกอ่อนล้า แต่ยังถลาร่อนไปในสายธารแห้งๆของระบบทุน

ขนที่เคยสดสวยในอดีต ถูกเกาะกินไปด้วยปรสิตนามว่าเงินตรา

โผบิน ร่อนถลา โผบิน ร่อนถลา หมุนวนราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้

มุ่งเน้นในเทคโนโลยี โดยขาดสุนทรีในการใช้ชีวิตอย่างเมื่อก่อน

แม้ฟ้าอมรจะดูกว้างใหญ่ แต่มันคงแคบเกินไปสำหรับนกไพรอย่างเรา

ได้เวลาออกเดินทางสู่ขุนเขาอีกครั้ง แม้จะไร้แรงพลังสักเพียงใด

เหน็ดเหนื่อยไหมเหล่านกแห่งเมืองฟ้า ตามข้ามา เวลามีไม่มากแล้ว

.. .

โพสท์ใน Overall Story | 2 ความเห็น

Choose..

..

..

ฉันอยากเขียนอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเธอ

มันเป็นความลับก่อนที่เราจะได้รู้จัก

อยากเขียนเรื่องราวต่างๆตั้งแต่เราได้พบกัน

แต่ฉันก็สรุปมันออกมาไม่ได้เสียที

..

หรือเพราะมีคำสัญญามากั้นขวางความรู้สึก

ฉันจึงเก็บงำความในใจไว้ให้ลึก

ลึกเกินกว่าจะนึกออก

เพื่อที่จะบอกกับเธอว่าฉันจะไม่มีวันทำลายสัญญา

แม้ว่าจะนานซักเท่าไหร่

..

หากว่าความลับนี้

สามารถรักษารอยยิ้มของเธอไว้ได้

ฉันก็จะเก็บมันไว้

แม้ว่าจะอึดอัดเพียงไร

มันน่าจะดีกว่าที่ฉันระบายมันออกไป

แล้วทำให้เธอไม่สบายใจไปกว่านี้

..

อาจจะผิดที่วิธีและวินาทีีที่เราได้พบกัน

อาจจะผิดที่ฉันไม่ได้กล้าให้มันมากกว่านี้

คำว่ามาก่อนเป็นพี่ มาพร้อมเป็นเพื่อน มาทีหลังเป็นน้อง

แล้วมาตอนไหนถึงจะสอดคล้องกับการเป็นคนรักกัน

สุดท้ายฉันก็ได้ฐานะที่ดูชิดใกล้ที่แท้จริงแล้วห่างไกล

ไม่ได้ต่างอะไรสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้วไม่หวนคืน

..

หรือว่าฉันควรตื่นจากความฝัน

และยอมรับความจริงที่มันเป็นไปไม่ได้

ว่าระยะทางอันห่างใกล้ได้แ่ค่นี้ก็ดีเท่าไหน

ระหว่างการยืนมองเธออยู่ภายนอกใจ

กับการที่ฉันล้ำเส้นไปและทำให้เธอนั้นจางหาย

สุดท้ายแล้วฉันควรเลือกอย่างไหนกัน

.. .

โพสท์ใน Overall Story | ใส่ความเห็น